การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนา "คน" ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวัฒนธรรม ทั้งนี้เพราะการศึกษาช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการผลิต ช่วยสนับสนุน กิจกรรมทางการเมือง ช่วยปลูกจิตสำนึกให้รู้จักคุณค่าของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตลอดจนช่วยให้สามารถพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้การศึกษายังช่วยลดปัญหาความยากจน ลดปัญหาด้านสุขภาพและทุพลภาพ โภชนาการด้วยการเพิ่มความรู้และ ภูมิปัญญาตลอดจนประสิทธิภาพของแรงงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันซึ่งสภาพเศรษฐกิจและสังคมของโลกได้เปลี่ยน แปลงไปตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตสมัยใหม่ ซึ่งจะต้องใช้แรงงานที่มีการศึกษาสูงขึ้น สามารถเรียนรู้ และปรับตัวให้ทันเหตุการณ์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้น การให้การศึกษาแก่ประชากรของประเทศ จึงเป็นการสร้างพลังอำนาจให้แก่ชาติบ้านเมือง
นอกจากนี้การศึกษายังช่วยลดปัญหาความยากจน ลดปัญหาด้านสุขภาพและทุพลภาพ โภชนาการด้วยการเพิ่มความรู้และ ภูมิปัญญาตลอดจนประสิทธิภาพของแรงงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันซึ่งสภาพเศรษฐกิจและสังคมของโลกได้เปลี่ยน แปลงไปตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตสมัยใหม่ ซึ่งจะต้องใช้แรงงานที่มีการศึกษาสูงขึ้น สามารถเรียนรู้ และปรับตัวให้ทันเหตุการณ์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้น การให้การศึกษาแก่ประชากรของประเทศ จึงเป็นการสร้างพลังอำนาจให้แก่ชาติบ้านเมือง
ตารางแสดงจำนวนนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ศึกษาต่อและออกไปประกอบอาชีพ จำแนกตามเพศ
ปีการศึกษา 2550
รายการ | จำนวนนักเรียน | ||
ชาย | หญิง | รวม | |
จบการศึกษา | 310,831 | 347,901 | 658,732 |
1. ศึกษาต่อ | |||
1.1 เรียนต่อ ม. 4 โรงเรียนเดิม | 155,810 | 202,218 | 358,028 |
1.2 เรียนต่อ ม.4 โรงเรียนอื่นในจังหวัดเดิม | 27,348 | 39,643 | 66,991 |
1.3 เรียนต่อ ม. 4 โรงเรียนอื่นในต่างจังหวัด | 4,309 | 6,381 | 10,690 |
1.4 เรียนต่อ ม. 4 โรงเรียนอื่น ใน กทม. | 2,952 | 3,255 | 6,207 |
1.5 สถาบันอาชีวศึกษาของรัฐบาล | 55,289 | 43,711 | 99,000 |
1.6 สถาบันอาชีวศึกษาของเอกชน | 16,584 | 18,332 | 34,916 |
1.7 สถาบันอื่นๆ | 15,322 | 12,584 | 27,906 |
รวมศึกษาต่อ | 277,614 | 326,124 | 603,738 |
2.1 ประกอบอาชีพ | |||
(1) ภาคอุตสาหกรรม | 2,780 | 1,837 | 4,617 |
(2) ภาคการเกษตร | 6,127 | 3,248 | 9,375 |
(3) การประมง | 200 | 60 | 260 |
(4) ค้าขาย ธุรกิจ | 558 | 706 | 1,264 |
(5) งานบริการ | 842 | 736 | 1,578 |
(6) รับจ้างทั่วไป | 11,349 | 6,694 | 18,043 |
(7) อื่นๆ | 5,431 | 3,773 | 9,204 |
รวมประกอบอาชีพ | 27,287 | 17,054 | 44,341 |
2.2 บวชในศาสนา | 352 | 0 | 352 |
2.3 ไม่ประกอบอาชีพและไม่ศึกษาต่อ | 1,291 | 830 | 2,121 |
2.4 อื่น ๆ | 4,440 | 3,740 | 8,180 |
รวมทั้งสิ้น | 310,984 | 347,748 | 658,732 |
ตารางแสดงจำนวนนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ศึกษาต่อและออกไปประกอบอาชีพ จำแนกตามเพศ ปีการศึกษา 2550
รายการ | จำนวนนักเรียน | ||
ชาย | หญิง | รวม | |
รวมทั้งสิ้น | |||
จบการศึกษา | 106,965 | 173,467 | 280,432 |
1. ศึกษาต่อ 1.1 มหาวิทยาลัยของรัฐ | 66,924 | 116,026 | 182,950 |
1.2 มหาวิทยาลัยเปิดของรัฐ | 5,880 | 8,767 | 14,647 |
1.3 มหาวิทยาลัยของเอกชน | 5,078 | 8,271 | 14,647 |
1.4 สถาบันอาชีวศึกษาของรัฐบาล | 5,927 | 6,553 | 12,480 |
1.5 สถาบันอาชีวศึกษาของเอกชน | 1,704 | 2,991 | 4,695 |
1.6 สถาบันพยาบาล | 281 | 2,349 | 2,630 |
1.7 สถาบันทหาร | 726 | 139 | 901 |
1.8 สถาบันตำรวจ | 231 | 116 | 347 |
1.9 สถาบันอื่นๆ | 5,551 | 9,496 | 15,046 |
รวมศึกษาต่อ | 92,338 | 154,708 | 247,046 |
2.1 ประกอบอาชีพ (1) ทำงานรัฐวิสาหกิจ | 77 | 72 | 149 |
(2) ภาคอุตสาหกรรม | 3,098 | 3,420 | 6,518 |
(3) ภาคการเกษตร | 1,197 | 1,029 | 2,226 |
(4) การประมง | 50 | 40 | 90 |
(5) ค้าขาย ธุรกิจ | 548 | 852 | 1,400 |
(6) งานบริการ | 506 | 905 | 1,411 |
(7) รับจ้างทั่วไป | 3,251 | 3,639 | 6,890 |
(8) อื่น ๆ | 2,953 | 3,971 | 6,924 |
รวมประกอบอาชีพ 2.2 บวชในศาสนา | 11,680 25 | 13,928 0 | 25,608 25 |
2.3 ไม่ประกอบอาชีพและไม่ศึกษาต่อ | 381 | 529 | 910 |
2.4 อื่น ๆ | 2,614 | 4,204 | 6,818 |
รวมทั้งสิ้น | 107,061 | 173,371 | 280,432 |
จากเนื้อหาข้างต้นจะกล่าวได้ว่า ในปี พ.ศ. 2550 มีนักเรียนที่จบการศึกษาใน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นจำนวนมากกว่า จำนวนนักเรียนที่จบจากสถาบันการอาชีวศึกษา ส่วนนักเรียนที่จบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ส่วนมากจะศึกษาต่อใน สายสามัญมากกว่าสายอาชีพ และมากกว่าจำนวนที่ออกไปประกอบอาชีพทางด้านต่างๆ และมากกว่าจำนวนที่ออกบวชในศาสนารวมไปถึงบุคคลที่ไม่ประกอบอาชีพและไม่ศึกษาต่อ ซึ่งที่ให้สรุปได้ว่า เยาวชนไทยมีค่านิยมในการศึกษาต่อทางด้านสายสามัญเป็นจำนวนมากที่สุด แต่อย่างไรก็ดี จำนวนนักเรียนที่ศึกษาต่อก็มีจำนวนที่มากกว่าจำนวนนักเรียนที่ไม่ศึกษาต่อ สำหรับนักเรียนที่จบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จะมีลักษณะคล้ายกับนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 เพราะนักเรียนที่จบในระดับชั้นมัธยมศึกษาชั้นที่ 6 นี้ ได้มีการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาเป็นจำนวนมากกว่าการออกไปประกอบอาชีพ บวชในศาสนาและไม่ประกอบอาชีพและไม่ศึกษาต่อ ซึ่งจากข้อมูลข้างต้นนี้เราจะสรุปได้ว่า เยาวชนไทยนั้นได้รับค่านิยมที่ถูกต้องมาให้กับชีวิตและได้เลือกอนาคตที่ถูกต้องสำหรับตนเอง
ถึงแม้ว่าบุคคลแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในการเลือกอนาคตของตนเอง เพราะในปัจจุบันได้มีทางเลือกให้หลายทาง ทำให้ปัจจุบันนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษามีทางเลือกที่จะศึกษาต่อหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นในด้านของสายสามัญและการอาชีพ หรือการประกอบอาชีพ เป็นต้น แต่โดยสรุปแล้ว นักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษานั้นเลือกที่จะศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาเป็นส่วนใหญ่ และรองลงมาก็คือการอาชีวศึกษา และประกอบอาชีพรองลงมาตามลำดับ
เสนอแนะ
1. ควรมีการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยมีการศึกษาในระดับสูงมากขึ้น
2. ให้บุคคลภายในครอบครัวได้มีการปลูกฝังให้เยาวชนที่จบการศึกษาในระดับพื้นฐานได้มีการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นไปอีก
3. ให้ ครู อาจารย์ ได้ปลูกฝังแนะแนวทางในการศึกษาต่อของนักเรียนในอนาคต
4. อยากให้ภาครัฐ เพิ่มสวัสดิการและกองทุนการศึกษา ให้กับนักเรียนที่ต้องการที่จะศึกษาต่อไปในระดับที่สูงขึ้น
เอกสารอ้างอิง
ตรวจแล้ว
ตอบลบอ.กนกพร