ในปัจจุบันประเทศไทยมีวัฒนธรรมการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนไปจากเดิมซึ่งได้รับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาใช้มากขึ้น ทั้งในเรื่องการแต่งกาย การพูดและที่สำคัญรวมไปถึงพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ที่ประชากรส่วนใหญ่นิยมบริโภคอาหารจำพวก FastFood หรือ อาหารประเภทจานด่วนนั่นเอง ซึ่งในอาหารจำพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่เป็นแป้ง ไขมัน เป็นต้น อาทิ เช่น พิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ หรือแม้กระทั่งอาหารที่ขายอยู่ในเซเว่น ก็ตาม อีกทั้งยังรวมไปถึงภาระงานของคนไทยในแต่ละวันจึงทำให้ไม่ค่อยมีเวลาในการรับประทานอาหาร จึงทำให้รับประทานอาหารไม่ครบทั้ง 3 มื้อในแต่ละวัน ดังนั้นเพราะเหตุ ปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้เกิดเป็นบทความชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อให้คนไทยได้รู้ถึงพฤติกรรมการบริโภคอาหารของตนว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร ความถี่ของการบริโภคอาหารแต่ละกลุ่มเป็นเช่นไร ซึ่งจะมีทั้งหมด 8 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และกลุ่มแร่ธาตุ วิตามิน กลุ่มเนื้อสัตว์ กลุ่มผัก/ผลไม้สด กลุ่มขนมสำหรับทานเล่น/ขนมกรุบกรอบ กลุ่มอาหารประเภทจานด่วนทางตะวันตก กลุ่มเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม/เครื่องดื่มที่มีรสหวาน และกลุ่มอาหารที่มีไขมันสูง เป็นต้น
สุดท้ายนี้ เพื่อให้คนไทยทราบและหันมาสนใจ ใส่ใจกับการบริโภคอาหารในแต่ละวัน ให้เหมาะสมและเพียงพอกับความต้องการในแต่ละวันของตน ทั้งนี้เพื่อสุขภาพที่ดี ทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อที่จะสามารถดำเนินกิจกรรมและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในทุกๆวัน นั่นเอง
เรื่องน่ารู้…คนไทยกับการบริโภคอาหาร
สำหรับเรื่องน่ารู้ ที่ทุกคนควรรู้ คือ คนไทยกับการบริโภคอาหาร ในบทความนี้จะนำเสนอใน 3หัวข้อหลักๆ คือ เรื่องของการบริโภคอาหารมื้อหลัก ความถี่ในการบริโภคอาหารที่ร่างกายต้องการ และความถี่ในการบริโภคอาหารที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ ซึ่งพฤติกรรมการบริโภคอาหารดังกล่าวนั้นมีผลต่อภาวะสุขภาพของประชากรในประเทศไทยอย่างมาก และข้อมูลที่จะนำเสนอนั้นก็เป็นข้อมูลที่ได้ทำการสำรวจจริง โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลในเดือนเมษายน 2552 จากประชากรที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป จำนวน 67,700 คน ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ดังต่อไปนี้
1. การบริโภคอาหารมื้อหลัก
จากผลการสำรวจ พบว่า ร้อยละ 87.1 ของคนไทยทานอาหารมื้อหลักในแต่ละวันครบ 3 มื้อ
รองลงมา คือ ผู้ที่ทานอาหาร 2 มื้อและทานมากกว่า 3 มื้อ (ร้อยละ 8.0 และร้อยละ 4.7 ตามลำดับ) ส่วนผู้ที่ทานเพียง 1 มื้อมีเพียงร้อยละ 0.2 ประชากรวัยเด็ก (6-14 ปี) มีสัดส่วนของการบริโภคอาหารมื้อหลักครบ 3 มื้อสูงสุด (ร้อยละ 90.1)
รองลงมา คือ วัยสูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) วัยเยาวชน (15-24 ปี) และต่ำสุดคือ วัยทำงาน (25 – 59 ปี) ร้อยละ 86.0
2. ความถี่ในการบริโภคอาหารที่ร่างกายต้องการ
ความถี่ในการบริโภคอาหารแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกัน ดังนี้ การบริโภคอาหารกลุ่มที่ร่างกายต้องการเป็นประจำ ได้แก่ กลุ่มเนื้อสัตว์และกลุ่มผัก/ผลไม้สด ผู้ที่ทาน 3-4 วันขึ้นไป /สัปดาห์ มีสัดส่วนสูงสุด(ร้อยละ 79.7 และร้อยละ 90.4 ตามลำดับ) โดยเฉพาะกลุ่มผัก/ผลไม้สดมีผู้ที่ทานทุกวันเกินครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 58.0) สำหรับกลุ่มอาหารที่ทานเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและกลุ่มแร่ธาตุ วิตามิน พบว่ามีเพียงร้อยละ 9.2 และ 11.7 ที่ทานโดยกลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) มีสัดส่วนของการทานอาหารกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและกลุ่มแร่ธาตุ วิตามินสูงกว่ากลุ่มอายุอื่นๆ (ร้อยละ 15.8 และร้อยละ 17.0 ตามลำดับ)
3. ความถี่การบริโภคอาหารที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ
อาหารในกลุ่มที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ หากบริโภคมากเกินพอดี ได้แก่ กลุ่มอาหารที่มีไขมันสูง กลุ่มขนมสำหรับทานเล่น/ขนมกรุบกรอบ กลุ่มอาหารประเภทจานด่วนทางตะวันตก และกลุ่มเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม/เครื่องดื่มที่มีรสหวาน พบว่าในกลุ่มอาหารที่มีไขมันสูง ส่วนใหญ่คนไทยทาน 1-2 วัน/สัปดาห์(ร้อยละ 47.3) รองลงมาคือ ทาน 3-4 วัน/สัปดาห์ และมีประมาณร้อยละ 10 ที่ไม่ทาน สำหรับกลุ่มขนมสำหรับทานเล่น/ขนมกรุบกรอบ พบว่า เกือบครึ่งหนึ่งที่ไม่ทาน (ร้อยละ 49.0)
และเมื่อพิจารณาความถี่ของการทานขนมกรุบกรอบตามวัย พบว่ากลุ่มเด็ก(6-14 ปี) ทานทุกวันสูงกว่าวัยอื่น คือ ร้อยละ 36.8 ส่วนวัยเยาวชนและวัยทำ งานส่วนใหญ่จะทาน 1-2 วัน/สัปดาห์ รองลงมาคือ 3-4 วัน/สัปดาห์
กลุ่มอาหารประเภทจานด่วนทางตะวันตก พบว่ามากกว่า 4 ใน 5 ที่ไม่ทาน (ร้อยละ 85.8)
ส่วนกลุ่มเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม/เครื่องดื่มที่มีรสหวาน พบว่าประมาณ 1 ใน 3 ไม่ดื่ม ส่วนกลุ่มที่ดื่ม
พบว่ามีสัดส่วนของการดื่มทุกวันและดื่ม 1-2 วัน/สัปดาห์ใกล้เคียงกัน คือ ร้อยละ 25.3 และร้อยละ 22.9 ตามลำดับ และพบว่าผู้ที่อยู่ในวัยทำงานทานทุกวันถึงร้อยละ 31.3
กลุ่มอาหารประเภทจานด่วนทางตะวันตก พบว่ามากกว่า 4 ใน 5 ที่ไม่ทาน (ร้อยละ 85.8)
ส่วนกลุ่มเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม/เครื่องดื่มที่มีรสหวาน พบว่าประมาณ 1 ใน 3 ไม่ดื่ม ส่วนกลุ่มที่ดื่ม
พบว่ามีสัดส่วนของการดื่มทุกวันและดื่ม 1-2 วัน/สัปดาห์ใกล้เคียงกัน คือ ร้อยละ 25.3 และร้อยละ 22.9 ตามลำดับ และพบว่าผู้ที่อยู่ในวัยทำงานทานทุกวันถึงร้อยละ 31.3
จากเนื้อหาข้างต้นจะกล่าวได้ว่า การบริโภคอาหารมื้อหลัก จากผลการสำรวจ พบว่า ร้อยละ 87.1 ของคนไทยทานอาหารมื้อหลักในแต่ละวันครบ 3 มื้อรองลงมา คือ ผู้ที่ทานอาหาร 2 มื้อและทานมากกว่า 3 มื้อ (ร้อยละ 8.0 และร้อยละ 4.7 ตามลำดับ) ส่วนผู้ที่ทานเพียง 1 มื้อมีเพียงร้อยละ 0.2 ความถี่ในการบริโภคอาหารแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกัน ดังนี้ การบริโภคอาหารกลุ่มที่ร่างกายต้องการเป็นประจำ ได้แก่ กลุ่มเนื้อสัตว์และกลุ่มผัก/ผลไม้สด ผู้ที่ทาน 3-4 วันขึ้นไป /สัปดาห์ มีสัดส่วนสูงสุด(ร้อยละ 79.7 และร้อยละ 90.4 ตามลำดับ) โดยเฉพาะกลุ่มผัก/ผลไม้สดมีผู้ที่ทานทุกวันเกินครึ่งหนึ่ง สำหรับกลุ่มอาหารที่ทานเพื่อสร้างเสริมสุขภาพแร่ธาตุ วิตามิน พบว่ามีเพียงร้อยละ 9.2 และ 11.7 ที่ทานโดยกลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป)
อาหารในกลุ่มที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ หากบริโภคมากเกินพอดี ได้แก่ กลุ่มอาหารที่มีไขมันสูง กลุ่มขนมสำหรับทานเล่น/ขนมกรุบกรอบ กลุ่มอาหารประเภทจานด่วนทางตะวันตก และกลุ่มเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม/เครื่องดื่มที่มีรสหวาน พบว่าในกลุ่มอาหารที่มีไขมันสูง ส่วนใหญ่คนไทยทาน 1-2 วัน/สัปดาห์(ร้อยละ 47.3) รองลงมาคือ ทาน 3-4 วัน/สัปดาห์ และมีประมาณร้อยละ 10 ที่ไม่ทาน
ดังนั้นเพื่อภาวะสุขภาพที่ดีของประชากรไทย เราควรหันมากินของไทย ใช้ของไทย เพราะว่าอาหารไทยส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่ไม่ค่อยมีไขมัน เป็นรสชาติที่ค่อนข้างจัด และมีผักหรือผลไม้เป็นส่วนประกอบ ซึ่งแตกต่างจากอาหารตะวันตก จำพวกอาหารจานด่วน ที่จะเน้น แป้ง ไขมัน เนื่องมาจากประเทศทางแถบตะวันตกนั้นมีสภาพภูมิอากาศที่หนาว จึงจำเป็นที่จะต้องบริโภคอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ แป้ง หรือไขมันเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย เป็นต้น
ข้อเสนอแนะ
1.ควรมีการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยหันมากินอย่างไทย คือบริโภคอาหารไทยแทนอาหารตะวันตก
2.สาบันแรกในการปลูกฝังสิ่งต่างๆ คือ ครอบครัว ดังนั้นครอบครัวจำเป็นที่จะต้องปลูกฝังในเรื่องของการบริโภคอาหารให้ถูกวิธีและถูกสุขลักษณะและหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกที่มีความเสี่ยงต่อภาวะสุขภาพ
3.ควรมีการติดป้าย หรือสื่อต่างๆให้มากกว่านี้เพราะการที่มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ผิด จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆตามมา อาทิ โรคอ้วน เป็นต้น
...แม้ พันธุกรรมจะเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่พฤติกรรมการกินนั้นเป็นสิ่งที่เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ มิฉนั้นท่านจะเป็นเหมือนกับดังรูปภาพนี้
เอกสารอ้างอิง
นางสาวบัณฑิตา เหล็กหมื่นไวย ชื่อเล่น จิง รหัสนิสิต 52010119166 นิสิตชั้นปีที่ 2 สาขาการพัฒนาชุมชน